Collapsible Panel

Click on the collapsible panel to open and close it.

ประวัตินักฟุตบอล เรื่องราวของนักฟุตบอล ดิเอโก้ มาราโดน่า

ประวัตินักฟุตบอล ตำนานเทพลูกหนังแห่งศตวรรษ แห่งทัพฟ้าขาว ทีมชาติอาร์เจนติน่า

ประวัตินักฟุตบอล เรื่องราว ของ นักฟุตบอล เรื่องราวนักเตะ นักบอลระดับโลก ตำนานเทพลูกหนังแห่งศตวรรษ ชื่อนักฟุตบอลระดับโลก ดิเอโก้ มาราโดน่า (Diego Maradona) เกิดวันที่ 30 ตุลาคม 1960 เจ้าตัวได้สร้างผลงาน ประวัตินักฟุตบอล ด้วยการพาทีมชาติฟ้าขาว อาร์เจนติน่า ผงาดคว้าถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 ด้วยวัย 26 ปี มันคือการคว้าแชมป์ฟุตบอล รายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แห่งวงการลูกหนัง

เป็นถ้วยรางวัลแห่งประวัตินักฟุตบอล ที่นักฟุตบอลทุกคน ปรารถนาที่จะได้ครอบครอง และเด็กหนุ่มจากย่านสลัม แห่งกรุงบัวโนสไอเรส ที่แสนโสมมสกปรก สถานที่ที่เต็มไปด้วยยาเสพติดย์ ความรุนแรง และอาชญากรรม แต่ใครจะเชื่อว่า เด็กหนุ่มที่เกิดมาจากย่านนี้ คือผู้ที่ได้สัมผัสถ้วยรางวัล อันทรงเกียรติ

ที่มาจากผลงานอันเร่าร้อน ด้วยเท้าทั้งสองข้าง ที่เทพเจ้า ได้ประทานพรมาให้ แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า มาราโดน่าได้เข้าสู่วงการฟุตบอล จากการเป็นเด็กเก็บบอล ที่อยู่ข้างสนาม เพราะเมื่อเจ้าตัว มีอายุได้ประมาณ 12 ขวบ เขาได้ทำหน้าที่ เป็นเด็กเก็บบอลข้างสนาม ในการแข่งขัน ของเกมส์ในลีกนัดหนึ่ง ของประเทศอาร์เจนติน่า

ซึ่งระหว่างที่เกมส์การแข่งขัน อยู่ในช่วงพักครึ่งเวลา เด็กชายมาราน่า ได้แสดงทักษะ การเล่นหยอกล้อ กับลูกฟุตบอล อยู่บนกลางพื้นสนามหญ้า ด้วยลีลาอันน่าตื่นตาตื่นใจ ประหนึ่งว่าลูกฟุตบอล และเด็กคนนี้ เกิดมาเพื่อกันและกัน และด้วยลีลานั้น มันดันไปเตะตาแมวมองคนหนึ่ง ที่ได้เข้ามาชมเกมส์การแข่งขัน ในนัดดังกล่าว

จนนำมาสู่การ ที่เด็กน้อยคนนึง จากย่านบัวโนสไอเรส ได้พบกับเส้นทางชีวิต แห่งโลกฟุตบอล หากย้อนกลับไปเมื่อทีมฟุตบอลอาร์เจนติน่า ผงาดขึ้นเถลิงบรรลังก์ แชมป์โลกครั้งแรก ในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศ และมาราโดน่าก็ถูกเปรียบเปรย ถูกยกให้เป็นพระเจ้าองค์ที่ 3 แห่งประวัตินักฟุตบอล ของชาวอาณ์เจนไต

โดยพระเจ้าองค์แรก คือ พระเยซูคริสต์ และพระเจ้าองค์ที่ 2 คือ มาริโอ เคมเปส อดีตประวัตินักฟุตบอล ดาวยิงทีมชาติ ผู้ซัลโวประตูในเกมส์ นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1978 และเป็นผู้พาทัพฟ้าขาว อาร์เจนติน่า ผงาดความแชมป์ฟุตบอลโลก มาครองได้สำเร็จ โดยพีมคว้าชัยชนะ เหนือทีมอัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ 3 : 1

ประวัตินักฟุตบอล

 

ประวัตินักฟุตบอล ดิเอโก้ มาราโดน่า ผู้พลิกประวัติศาสตร์ สโมสรนาโปลี

นักบอลดังๆ ประวัตินักฟุตบอลมาราโดน่า ในปี 1984 สโมสรอัซซุรี่ นาโปลี ได้จัดการคว้าตัวเขา มาจาทีมเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวระดับสถิติโลก ในเวลานั้น ทำให้เจ้าตัว เป็นนักเตะคนแรกในประวัตินักฟุตบอล ที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกถึง 2 ครั้ง ตั้งแต่ดีลการย้ายตัวจากทีมโบคา จูเนียร์ มาร่วมทีมบาร์ซา ในปี 1982 ก็เป็นการย้ายตัว ที่มีค่าตัวเป็นสถิติโลกเช่นเดียวกัน

สาเหตุที่ตัวเขา ต้องย้ายออกจากทีมบาร์ซา เนื่องจากมีปัญหามากมาย ในการค้าแข้งในแคว้นคาตาลัน ประเทศสเปน โดยมักจะตกเป็นเหยื่อนในอารมณ์ของตัวเอง ไม่สามารถควบคุมอารมณืตนเองได้ ในเวลาที่โดนคู่แข่งเข้าสกัด โดยเฉพาะในเกมส์นัดชิงชนะเลิศ ถ้วยโกปาเดลเรย์ ที่มีเหตุตะลุมบอล กับนักเตะทีมแอตเลติก บิลเบา

เป็นการทำต่อหน้าแฟนบอล เกือบแสนคนอีกด้วย และต่อหน้าพระมหากษัตริย์ของสเปนอีกด้วย การกระทำดังกล่าวทำให้เขาและสโมสร ต้องแยกทางกันในเวลาต่อมา และการย้ายมาร่วมทีมนาโปลี ก็สามารถช่วยทีมที่อยู่ในอันดับ 10 ของตารางคะแนน ขึ้นมาจบในอันดับที่ 3 ในซีซั่นนั้น และก็กลายเป็นขวัญใจ ของเหล่าแฟนบอลนาโปลี

ในฤดูกาลต่อมา มาราโดน่าก็สามารถพาทีมนาโปลี ผงาดค้วาบัลลังก์แชมป์กัลโช่ เซเรียอา มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ เป็นการสร้างประวัตินักฟุตบอลให้กับตัวเขา และเป็นประกาศศักดา ว่าในตอนนี้ทีมลูกหนังมหาอำนาจ ในลีกอาติลี ได้โยกจากตอนเหนือ มาสู่ตอนใต้เป็นที่เรียบร้อย

ดิเอโก้ มาราโดน่า ประวัตินักฟุตบอล กับเส้นทางชีวิตสายเทา

ประวัติ นักฟุตบอลที่มีชื่อเสียง ประวัตินักฟุตบอล มาราโดน่าถือว่าเป็นตัวเทพฟุตบอล ในระดับโลก แบบเดียวกับตำนานประวัตินักฟุตบอล ศูนย์หน้าดาวยิงทีมชาติบราซิล ไข่มุกดำ เปเล่ ซึ่งจนมาถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีคำถามอยู่เสมอว่า ระหว่างไข่มุกดำ เปเล่ กับเสือเตี้ยมาราโดน่า ใครเก่งมากกว่ากัน แต่ถ้าดูถึงเรื่องราวชีวิต ในเส้นทางอาชีพการค้าแข้ง การสร้างประวัตินักฟุตบอล

เห็นทีว่าเรื่องนี้ เสือเตี้ยดูเหมือนว่า จะมีชำชองมากกว่า หากเปเล่เปรียบเสมือน การเล่นฟุตบอลสายขาว มาราโดน่าก็เปรียบเสมือน การเล่นฟุตบอลสายเทา ที่พร้อมที่จะเป็นทั้งขาว และดำสนิท ในเวลาเดียวกัน โดยที่เจ้าตัวมีหัวฝักใฝ่ ในลัทธิมาร์ค และเกลียดพวกทุนนิยมอย่างยิ่ง ซึ่งบุคคลที่เขายกย่อง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ เชเกบารา อดีตนักปฎิวัติ ที่ยิ่งใหญ่ของโลก และเป็นชาวอาร์เจนติน่า เหมือนกันกับเขา

มาราโดน่านั้นเลื่อมใส คลั่งใคล้ ศรัทธาในตัวเช จนถึงขั้นได้ประทับรอยสัก รูปหน้าเชเกบารา ไว้บนที่ต้นแขนขวา อีกทั้งยังมีความสนิทสนม ชิดเชื้อกับฟิเดล กัสโตร อดีตผู้นำประเทศคิวบา ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลในตำนาน แห่งประวัติศาสตร์โลก ผู้ที่นำประเทศคิวบา เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบสังคมนิยม อย่างเต็มตัว

ซึ่งนี่อาจจะเป็นเหตุผล ที่ในช่วงวัยเด็กของเขา ใช้ชีวิตคลุกคลี อยู่ในย่านสลัม อันสุดแสนจะยากลำบากลำเค็ญ เขาได้เห็น ได้รับรู้ และสัมผัส ความเหลื่อมล้ำ ทางชนชั้น จึงทำให้มองว่า สังคมนิยม คือทางออก ที่ดีที่สุด ที่จะแก้ไขเรื่องราว เหล่านี้ได้ จึงไม่แปลกใจ ที่เสือเตี้ย จะบูชาผู้นำหัวเอียงซ้าย อย่าง ฟิเดล กัสโตร

โดยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เริ่มจากการที่เสือเตี้ย ได้เข้าไปรักษาตัว บำบัดอาการติดโคเคน ที่ประเทศคิวบา นอกจากรูปรายสักเชเกบาราแล้ว เขายังได้สักรูปหน้าของฟิเดล กัสโตร ไว้บนแข้งซ้ายอีกด้วย เมื่อตอนปลายปี 2016 ที่ผ่านมา ดูเหมือนกับว่า เจ้าตัวได้สูญเสีย พ่อคนที่สองของเขาไป จากการจากไปของฟิเดล กัสโตร

อีกสิ่งหนึ่งที่ได้นิยาม ตัวตนของเสือเตี้ย ในการเป็นนักฟุตบอลสายเทา ของประวัตินักฟุตบอล นั่นก็คือการที่เขาได้ สนิทสนมกับกลุ่มมาเฟีย ในช่วงที่ค้าแข้งกับสโมสรอัซซูรี่ นาโปลี และตัวเขานั้นมีความสัมพันธ์ ที่แน่นแฟ้นกับ ปาโบล เอสโกบาร์ อดีตราชายาเสพติดย์ ชาวโคลัมเบีย ที่เคยเชื้อเชิญเสือเตี้ย ไปร่วมทานข้าว เสพสุราเคล้านารี และเตะฟุตบอลด้วยกัน

ประวัตินักฟุตบอล

 

รำลึกตำนานเทพลูกหนังแห่งศตวรรษ ดิเอโก้ มาราโดน่า

ประวัตินักฟุตบอลมาราโดน่า ได้เล่นฟุตบอล ให้กับทีมชาตออาร์เจนติน่า สู้ศึกฟุตบอลโลกถึง 4 ครั้ง รวมถึงในปี 1986 ที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิต การค้าแข้งไปตลอดกาล โดยได้เปิดใจกับสื่อฟุตบอลท้องถิ่น ถึงความฝันของตัวเอง ในช่วงวัย 17 ปี ว่า เขามีความปรารถนา 2 สิ่งด้วยกัน

ความปรารถนาอย่างแรก คือการได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า ในการสู้ศึกฟุตบอลโลก และความปรารถนาอย่างที่สอง คือการพาทัพฟ้าขาว อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก โดยในปี 1979 ด้วยวัย 20 ปี ได้พาทีมชาติอาร์เจนติน่า รุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี คว้าแชมป์โลกที่ประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับรางวัลลูกบอลทองคำ ในฐานะผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำทัวร์นาเมนต์

ต่อมาเสือเตี้ยได้ลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรก ในนามทีมชาติชุดใหญ่ ในปี 1982 ที่ประเทศสเปน เป็นเจ้าภาพ แต่ก็ถือเป็นฝันร้ายของตัวเขา เพราะเขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ในเกมส์รอบแบ่งกลุ่มรอบสอง ในการเจอกับทีมคู่ปรับร่วมทวีปอย่างทีมชาติบราซิล เพราะไปเล่นนอกเกมส์กับฝ่ายตรงข้าม และทำให้ทีมชาติของเขาต้องตกรอบ ไปในทันที

แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวก็ได้สร้างชื่อให้กับประเทศของตัวเอง สร้างประวัตินักฟุตบอล ได้สำเร็จ ในการพาทัพฟ้าขาว ผงาดคว้าแชมป์โลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก ด้วยการเอาชนะทีมชาติเยอรมณี ไปด้วยสกอร์ 3 : 2 ในศึกนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก และในทัวร์นาเมนต์นี้ เขาได้สร้างประตู แห่งประวัติศาสตร์นักฟุตบอล แห่งวงการลูกหนัง กับการทำประตูที่มีชื่อว่า แฮนด์ ออฟ ก็อด

เฮียป.คอกีฬา